  | 
		   
		  
			| 
				 
เซลลูไลท์ (Cellulite) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีเป็นต้นไป และทำให้เกิดความกังวลด้านความสวยงามไม่แพ้โรคอ้วน เซลลูไลท์ คือ ก้อนไขมันใต้ผิวหนังที่ทำให้ผิวหนังแลดู
ตะปุ่มตะป่ำเหมือนเปลือกผิวมะกรูด เชื่อว่าเกิดจากการที่ไขมันเคลื่อนตัวสูงขึ้นมาอยู่ในชั้นของผิวหนัง
หรือเกิดจากการที่มีการไหลเวียนของระบบเลือดในบริเวณนั้นลดลง การคั่งของน้ำเหลือง และฮอร์โมน
ที่ไม่สมดุล เหตุผลที่ไขมันส่วนนี้ดูเป็นก้อนตะปุ่มตะป่ำ เพราะไขมันใต้ผิวหนังบางครั้งมีจำนวนมากจน
บริเวณที่มีการสะสมของเซลลูไลท์มากก็คือ บริเวณต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง รอบเอว และสะโพก เรา
สามารถตรวจสอบเซลลูไลท์ด้วยตัวเองโดยใช้วิธีง่ายๆ คือหงายท้องแขนแล้วใช้มืออีกข้างบิดแขน ถ้าพบ
กับผิวหนังที่มีลักษณะขรุขระเป็นก้อนคล้ายผิวส้มนั่นคือเซลลูไลท์ ซึ่งจะไม่เรียบเนียนเหมือนไขมันทั่วไป 
         
         | 
       
     
  
1. Hard Cellulite : พบได้บ่อยในผู้หญิงที่อายุน้อย (20-40 ปี) และมีการออกกำลังกายเป็นประจำ ลักษณะจะเป็นก้อนแข็ง เมื่อบีบตามร่างกายจะเป็นก้อนๆ เล็กๆ พบได้บ่อยบริเวณตะโพก บั้นท้าย  
2. Flaccid Cellulite : พบได้ผู้หญิงที่อายุมากกว่า   40 ปีขึ้นไปไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ลักษณะจะเป็น 
  ก้อนไขมันนุ่มๆ มีการหย่อนคล้อย   กล้ามเนื้ออ่อนเหลว พบได้บ่อยบริเวณ ท้องแขน คาง รอบเอง หน้าท้อง  
3. Edematous Cellulite :   มักจะพบจากการไหลเวียนของโลหิตไม่ดี การคั่งของน้ำเหลือง   ทำให้ 
  ลักษณะเหมือนการบวมน้ำ กดบุ๋ม   พบได้บ่อยที่  ต้นขา  ตะโพก    จะพบว่าผิวหนังมักจะดูบอบบางเห็นเส้น 
  เลือดบวมๆ 
4. Mixed Cellulite:   มักจะพบได้บ่อยที่สุด ซึ่งในคนๆ เดียว อาจจะพบ Cellulite ทั้งแบบ 
  1-3   ได้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย  
  
1. ควบคุมอาหาร และป้องกันมิให้อ้วนเพิ่มขึ้น :   จะช่วยป้องกันการสะสมของไขมันเพิ่มขึ้น เลือก 
  รับประทานอาหารที่ต้านเซลลูไลท์   เช่น พืชผักผลไม้ให้มากขึ้น เพราะวิตามินอีและซี  จะช่วยให้ผิวหนัง 
  กระชับขึ้น   และอาหารกลุ่มที่มีกรดไขมัน ถั่ว น้ำมันปลา เมล็ดพืช   จะช่วยการไหลเวียนของโลหิตให้มากขึ้น 
  นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงกลุ่มอาหารคาร์โบไฮเดรต   ไขมันสูง ของหวาน อาหารรสเค็ม ไขมันสัตว์ กาแฟ  
  แอลกอฮอล์   เพราะสิ่งเหล่านี้ยากที่จะขจัดออกจากร่างกาย  
2. การออกกำลังกาย :   พบว่าการออกกำลังกายอาจทำให้ผิวที่ตะปุ่มตะป่ำดูดีขึ้น   เพราะการออกกำลัง 
  กายทำให้เกิดการเผาผลาญ   ไขมันเป็นพลังงานทำให้ก้อนไขมันมีขนาดเล็กลง นอกจากนั้น   การออกกำลัง 
  กายยังทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดโตขึ้น    ซึ่งกล้ามเนื้อที่โตขึ้นมักมีขนาดสม่ำเสมอ      (ไม่เหมือนก้อนไขมันที่ 
  เวลาโตมักแลดูตะปุ่มตะป่ำ)   จึงทำให้แลดูว่าผิวเรียบขึ้น  
3. การนวด : โดยใช้ฝ่ามือนวดไปมาลงน้ำหนักที่ละน้อย   เริ่มจากหัวไหล่เพื่อลดบริเวณแขน ส่วนบริเวณ 
  หน้าท้อง   ก็ใช้ฝ่ามือทั้งสองนวดสลับกันจากหน้าท้องถึง หน้าอก   บริเวณสะโพกนั้นลูบขึ้นในลักษณะเดียวกัน 
  และบริเวณเรียวขา   เริ่มตั้งแต่ข้อเท้าไล่ขึ้นมาจนถึงบริเวณขาอ่อน   นวดให้ทั่วทั้งด้านหน้าและด้านหลังของ 
  เรียวขา ซึ่งอาจจะ   ใช้ควบคู่กับครีมลดไขมันเฉพาะส่วน   หรือใช้เครื่องนวดที่จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด 
  และทำให้เซลลูไลท์แตกตัว  
4. Mesotherapy :   การฉีดตัวยาหรือสารอาหารสู่ชั้นไขมันด้วยเข็มดิจิตอลขนาดเล็กมาก   ทำให้ 
  กระบวนการเกิดไขมันถูกขัดขวาง ไม่สะสม ทำให้เกิดการสลายไขมัน   ทำให้เซลล์ไขมันจะมีลักษณะทาง 
  กายภาพเปลี่ยนไป และเป็นการกระตุ้นให้เซลลูไลท์   หรือไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ถูกขับออกมา วิธีการนี้  
  ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมทั้งในแถบยุโรปและเอเซีย   มีการพัฒนาตัวยาฉีดหลากหลายสูตร สำหรับเซลลูไลท์ 
  แต่ละประเภท   เป็นวิธีที่เห็นผลค่อนข้างเร็วเหมาะสำหรับสาว ใจร้อน อยากเพรียวกระชับ   ในเวลาอันรวดเร็ว  
  โดยเฉลี่ยพบว่าสามารถลดเซลลูไลท์หรือไขมันส่วนเกินที่พุงได้มากกว่า 1/4 นิ้ว   ต่ออาทิตย์ วิธีนี้ไม่ใช่การ 
  ศัลยกรรมจึงไม่เจ็บปวด อาจมีจุดแดง อาการคัน   เกิดขึ้นหลังจากการทำในวันที่ 1-3 แต่ควรทำซ้ำต่อเนื่อง  
  โดยเฉพาะในช่วงต้นของการรักษา เพื่อผลการรักษาที่ดีขึ้นเรื่อยๆ  
• ส่วนอาหารเสริมใดๆ ที่อ้างว่าสามารถรักษาเซลลูไลต์ได้ผลนั้น   ยังไม่มีข้อพิสูจน์ด้วยหลักเกณฑ์ทาง 
  วิทยาศาสตร์ว่าจริงดังกล่าวอ้าง   แม้แต่การใช้สายพาน เขย่าสั่นก้นและต้นขา ก็ไม่ลดก้อนไขมันนี้   เพราะ 
  ไม่เกิดการเผาผลาญไขมันได้จริง ถ้าในความเห็นของผู้เขียนคิดว่า   วิธีการรักษาก้อนไขมันเซลลูไลต์ที่ได้ 
  ผลดีและสิ้นเปลืองน้อยที่สุด คือ   การควบคุมอาหาร ลดน้ำหนักและออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นอันดับแรก 
  ก่อน   ถ้าได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจ จึงค่อยทำการด้วยวิธีอื่นๆ เพราะ   เซลลูไลท์ต้องใช้เวลาในการกำจัดเพราะ 
  กว่าจะสลายตัว   และกลับมาสู่กระบวนการขับของเสียออกจากร่างกายได้อาจจะต้องใช้ เวลาสักหน่อยแต่  
  จะอย่าเพิ่งถอดใจเสียก่อนที่จะสำเร็จนะครับ   ไม่เช่นนั้นความพยายามตั้งแต่แรกจะเสียเปล่า  
  
       
      ไม่ว่าคุณจะโทษว่าเซลลูไลท์เกิดจากของเสียหรือเชื่อมั่นว่ามันเป็นเพียงไขมันธรรมดาก็ตามความเป็น 
  จริงก็คือ   ผู้หญิงกว่า 80% มีไขมันสะสมอยู่ที่สะโพกและขาอ่อน และเราเรียกมันว่า "เซลลูไลท์" ฉะนั้น 
  มาดูวิธีกำจัดเซลลูไลท์กันดีกว่า  
เครื่องมือละลายไขมัน  
  ร้านเสริมสวยหรือคลีนิคจะทำการรักษาด้วยเครื่องไฟฟ้า   โดยวางเครื่องลงบนบริเวณที่มีเซลลูไลท์แล้ว 
  เพิ่มแรงกดหรือเขย่าลงบนเซลลูไลท์เพื่อสลายเซลล์ไขมัน   ร้านเสริมสวยหลายร้านบอกว่า เครื่องมือสามารถ 
  ช่วยให้ดีขึ้น   แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะได้ผล   และยังย้ำอีกด้วยว่าเซลลูไลท์จะกลับมาอีกแน่นอนถ้าขาดการออก 
  กำลังกายและรับประทานอาหารอย่างขาดหลักเกณฑ์  
ฝังเข็ม  
  ผู้เชี่ยวชาญจะฝังเข็มที่ปราศจากเชื้อโรคลงบนบริเวณเซลลูไลท์ ประมาณ 3-5   มิลลิเมตรใต้ผิวหนัง 
  เข็มเหล่านี้จะเชื่อมกับขั้วไฟฟ้าซึ่งจะส่งถ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อทำลายเซลล์ไขมันและแพร่กระจายของเหลว 
  หลังการรักษา   ประมาณ 80% พบว่าขาเรียวขึ้น   แต่การรักษาแบบนี้ต้องแน่ใจในเรื่องความสะอาดของเข็ม 
  และจะใช้ไม่ได้ผลกับผู้หญิงที่มีเซลลูไลท์จำนวนไม่มากนักและถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงการรับประทานอาหาร  
  ให้ถูกวิธีและได้สัดส่วนที่เหมาะสม ไขมันก็จะกลับมาอีก  
พันต้นขา  
  พันต้นขาหรือก้น     ด้วยพลาสติกให้แน่น เพิ่มความร้อนเข้าสู่บริเวณดังกล่าว   เพื่อให้เหงื่อออกและลด  
  ปริมาณเซลลูไลท์ได้หลายเซนติเมตร วิธีนี้ไม่ได้ผลอะไรเลย    เซลลูไลท์ไม่สามารถไหลออกมาเป็นเหงื่อได้  
  หลายเซนติเมตรที่สูญเสียไปไม่ใช่เซลลูไลท์ แต่เป็นของเหลว  (น้ำ)    การรักษาแบบนี้ใช้ไม่ได้ผลและไม่ได้ 
  ประโยชน์อะไร   เมื่อดื่มน้ำตามปกติต้นขาของคุณก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม   ที่สำคัญเราไม่ควรงดดื่มน้ำเด็ด 
  ขาดเพราะจะมีผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณตามมามากมาย  
การขัดผิว  
  ขัดผิวด้วยแปรงหรือใยขัดผิวระหว่างอาบน้ำ     จะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิต  และช่วยปรับปรุง 
  บริเวณที่เป็นเซลลูไลท์ให้ดูดียิ่งขึ้น     ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามบอกว่า  การขัดผิวในลักษณะเคลื่อนที่เป็น 
  วงกลมช่วยได้   (ขัดติดต่อกัน 5 นาที สัปดาห์ละครั้ง จะดีกว่าการขัดในเวลาสั้น ๆ หลาย ๆ ครั้ง)   นอกจาก  
  นี้ควรใช้เจลอาบน้ำหรือสบู่       ที่มีส่วนผสมของน้ำมันด้วย     เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง  
  ศัลยแพทย์ด้านความงามกล่าวว่า     การหมุนเวียนโลหิตไม่ดี    จะทำให้เลือดสะสมอยู่ที่ต้นขาและสะโพก  
  และส่งผลให้ไขมันในบริเวณดังกล่าวโป่งออกมาได้    วิธีแก้คือควรจะทำตัวให้กระฉับกระเฉง   หลีกเลี่ยง  
  การกระทำที่จะทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตช้าลง เช่น การสวมเสื้อผ้าที่คับมาก   และใส่รองเท้าส้นสูงเป็น 
  เวลานาน ๆ  
ออกกำลังกาย  
  การออกกำลังกายเบาๆ   เป็นเวลาติดต่อกันนานๆ จะช่วยปรับปรุงบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากเซลลูไลท์ 
  ได้   การออกกำลังดังกล่าว ได้แก่ การเดินออกกำลัง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน ครั้งละ 1 ชั่วโมง   3 ครั้ง ต่อ 1สัปดาห์ 
  วิธีนี้ใช้เวลาอยู่บ้างเหมือนกัน   ถ้าจะใช้วิธีนี้ต้องใจเย็นๆ 
การใช้ครีมสลายเซลลูไลท์  
  ใช้ครีมหรือโลชั่นทาผิว คล้าย ๆ กับการบำรุงผิวทั่ว ๆ ไป   แต่ให้ผลในเรื่องการสลายเซลลูไลท์ โดยไม่ 
  ต้องตบหรือตีลงบนผิว   ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ได้รับการทดสอบแล้วว่า สามารถทำให้เซลลูไลท์ดูเบาบางลง 
  ได้   และช่วยปรับปรุงสภาพผิวด้วย วิธีนี้ง่าย สามารถทำเองได้ที่บ้าน   และประหยัดกว่าไปทำที่ร้าน สถาน 
  เสริมความงามบางแห่ง คลีนิคและหนังสือหลายเล่ม   แนะนำให้ต่อสู้กับเซลลูไลท์ด้วยการอดอาหาร   เพื่อลด 
  น้ำหนัก และการสะสมของเสียในเซลล์     แต่ถ้าใครแนะนำให้คุณลดน้ำหนักแบบกินอาหารประเภทคาร์โบ- 
  ไฮเดรตแต่น้อยก็อย่าใส่ใจ      เพราะการลดน้ำหนักแบบนี้จะลดได้เร็วก็จริง   แต่ที่คุณสูญเสียไปส่วนใหญ่คือ 
  ของเหลว   และในไม่ช้าน้ำหนักตัวของคุณก็จะกลับมาอีก    นอกจากนี้การลดน้ำหนักแบบนี้ในระยะยาวจะทำ  
  ให้การเผาผลาญช้าลงและลดน้ำหนักตัวได้ยาก   อาหารที่จะช่วยคุณลดน้ำหนักและเซลลูไลท์ได้อย่างถาวร 
  ก็คือ   อาหารที่ให้ธาตุอาหารครบทั้ง 5 หมู่อย่างสมดุลนั่นเอง...  
     |